เรื่องราว จากเขาคิชฌกูฏ
เรื่องราวจากเขาคิชฌกูฏ เขาคิชฌกูฏ สถานที่หลักซึ่งเราตั้งใจไว้ว่าจะไปนำภาพมาเพื่อประกอบบทเพลงก็คือ เขาคิชฌกูฏ หรือมีอีกชื่อเรียกว่าเขานกแร้ง (Vulture’s Peak) เพราะมีลักษณะคล้ายนกแร้ง ปัจจุบันเขาคิชฌกูฏอยู่ในเมืองราชคฤห์ เขาคิชฌกูฏแห่งนี้ตามพุทธประวัติกล่าวไว้ว่าเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธองค์ได้เสด็จมาประทับและแสดงธรรม โดยมีพระสูตรเกิดขึ้นที่นี่หลายพระสูตร ซึ่งปรัชญาปารมิตาสูตรก็เป็นพระสูตรสำคัญซึ่งมีต้นกำเนิดในสถานที่นี้ ดังสาระในช่วงเริ่มต้นของปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตรที่ระบุไว้ว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาดังนี้ สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประทับอยู่ ณ เขาคิชฌกูฏใกล้กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ และพระโพธิสัตว์จำนวนมาก พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสแสดงธรรมโดยปริยายแล้ว ได้ทรงธำรงอยู่ในสมาธิชื่อว่า คัมภีรโอภาส เราค่อยๆเดินขึ้นไปตามบันไดทางขึ้นซึ่งทำไว้อย่างกว้างขวาง ระหว่างเดินขึ้นบันไดไปทีละขั้นก็นึกย้อนไปในอดีตกาล จินตนาการเอาเองว่าทางขึ้นน่าจะยิ่งลำบากกว่านี้มากแต่ก็คงจะเงียบสงบ ไม่ได้มีผู้คนที่มาพึ่งพิงสถานที่แห่งนี้มากมายอย่างในปัจจุบันที่ทางขึ้นขวักไขว่ไปด้วยสารพัดผู้คน ไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธา นักท่องเที่ยว พ่อค้าแม่ค้า และยังมีเหล่าขอทาน รวมทั้งสัตว์ต่างๆ เมื่อใกล้จะถึงยอดเขา เราเดินผ่านถ้ำของพระอัครสาวกทั้งสอง คือพระโมคคัลลานะ และถ้ำของพระสารีบุตร ซึ่งอันที่จริงถ้ำที่ผู้ไปเยือนมักเรียกกันว่าถ้ำของพระสารีบุตรนี้ มีชื่อว่า ถ้ำสุกรขาตา ซึ่งหมายถึงเพิงผารูปเหมือนคางหมู เป็นสถานที่ซึ่งพระสารีบุตรได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ หลังจากได้ฟังทีฆนขสูตร ซึ่งพระพุทธองค์แสดงแก่ทีฆนขปริพาชก (ผู้เป็นหลานชายของพระสารีบุตร) บริเวณยอดเขามีพื้นที่ไม่กว้างนัก จากทางขึ้นจะพบซากอิฐก่อฐานสี่เหลี่ยม ซึ่งเชื่อว่าเป็นกุฏิของพระอานนท์ และใจกลางบริเวณเป็นที่ตั้งของมูลคันธกุฎี ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธองค์ ซึ่งเป็นกุฏิที่ไม่ใหญ่เลย กว้างประมาณ 3 ศอกคืบ และยาวประมาณ 4 ศอกเท่านั้น แม้เป็นบริเวณแคบๆ …