เพลงสังสารเสสรวล ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมคีตาของท่านมิลาเรปะในตอน “บทเพลงแห่งเทือกเขาหิมะ”
ซึ่งเป็นบทที่ท่านได้สอนเหล่าศิษย์ที่หมู่บ้านญานนชาร์มา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ท่านหยุดพักระยะหนึ่งในระหว่างการเดินทางไปบำเพ็ญสมาธิที่ภูเขาหิมะลาชิตามที่ท่านอาจารย์มาร์ปะได้กำชับไว้ เรื่องราวที่นำไปสู่บทเพลงแห่งเทือกเขาหิมะได้ถูกเล่าไว้ดังนี้
หลังจากพักและสอนธรรมอยู่ที่หมู่บ้านได้ช่วงหนึ่ง มิลาเรปะรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องเดินทางต่อเพื่อไปบำเพ็ญสมาธิในถ้ำบนภูเขาหิมะ เนื่องจากเวลานั้นเป็นช่วงที่ฤดูหนาวกำลังจะมาถึง การเดินทางไปบนภูเขาจะยากลำบากและอันตรายมากจากพายุหิมะในฤดูหนาว บรรดาสานุศิษย์และชาวบ้านต่างพากันร้องขอให้ท่านเลื่อนการเดินทางไปจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิ แต่มิลาเรปะได้ปฎิเสธเนื่องจากได้ตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่แล้ว และไม่หวาดหวั่นต่อความยากลำบากใดๆ รวมทั้งต้องการที่จะปฏิบัติตามที่ท่านอาจารย์มาร์ปะบอก คือให้อุทิศตนในฝึกปฏิบัติในสถานที่สงบสงัดห่างไกลผู้คน
ปีนั้นหิมะตกหนักมาก เส้นทางต่างๆถูกตัดขาด สัญจรไปมาไม่ได้ถึงหกเดือนเต็ม บรรดาศิษย์ต่างคิดว่ามิลาเรปะคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แน่แล้วท่ามกลางพายุหิมะอันหนาวเหน็บเช่นนี้ จนฤดูหนาวผ่านไปและเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ สานุศิษย์จึงช่วยกันออกตามหาซากศพของท่าน แต่ทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงมิลาเรปะทักทายออกมาจากในถ้ำซึ่งท่านปฏิบัติภาวนาอยู่ ซึ่งมิลาเรปะยืนยันว่าบำเพ็ญปฏิบัติอย่างมีความผาสุกดีตลอดฤดูหนาวและจะอยู่ปฏิบัติธรรมต่อไป สานุศิษย์ต่างพยายามอ้อนวอนร้องขอให้ท่านกลับไปที่หมู่บ้าน จนในที่สุดท่านก็ตัดสินใจกลับลงไปพร้อมพวกเขา
เมื่อมิลาเรปะมาถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างเฝ้ารอและขอให้ท่านแสดงธรรมจากประสบการณ์ในการบำเพ็ญภาวนาในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา การแสดงธรรมที่หมู่บ้านในครั้งนั้นประกอบไปด้วยธรรมคีตาหลายบทซึ่งได้รวบรวมเป็น “บทเพลงแห่งเทือกเขาหิมะ” ในระหว่างที่มิลาเรปะแสดงธรรมคีตา ชินดอโมผู้ซึ่งได้ฟังธรรมะในที่นั้นได้กล่าวขึ้นมาว่า (ท่านมิลาเรปะ) ช่างประเสริฐ ช่างเป็นโชคดีที่ได้มีโอกาสได้รับใช้และศึกษาธรรมจากท่าน ผู้ที่ไม่ศรัทธาในตัวท่านช่างโง่เขลาเสียจริง มิลาเรปะกล่าวตอบว่า ไม่สำคัญอันใดที่ใครจะศรัทธาในตัวข้าหรือไม่ แต่เธอทั้งหลายได้เกิดมามีกายมนุษย์อันประเสริฐ และยังได้เกิดในยุคและสถานที่มีพุทธศาสนา หากเธอไม่ได้ปฏิบัติธรรม นั่นเป็นการโง่เขลาอย่างยิ่ง
และท่านได้ขับขานโศลกธรรมดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นที่มาของเพลงสังสารเสสรวล
ขอกราบแทบเท้าพระอาจารย์มาร์ปะ
และขอร่ายคีตาบทนี้แด่ท่านทั้งหลาย ผู้มีศรัทธาต่อข้า
ช่างเป็นเรื่องโง่เขลาที่ยังจะสร้างบาปด้วยความประมาท
เมื่อพระธรรมที่แท้ได้แผ่ขจายอยู่รอบเธอ
ช่างโง่เขลาที่ใช้เวลาทั้งชีวิตไปอย่างไร้ความหมาย
เมื่อกายมนุษย์อันประเสริฐนี้เป็นของขวัญที่หาได้ยากยิ่ง
ช่างน่าขำที่ยังจะทะเลาะกับภรรยาและญาติ
ผู้ที่อันที่จริงแล้วแค่เป็นแขกผู้มาเยี่ยม
คำพูดที่อ่อนหวานและอ่อนโยนยิ่งไม่มีประโยชน์ที่จะไปใส่ใจ
เพราะมันเป็นเพียงแค่เสียงก้องกังวานที่ว่างเปล่าในความฝัน
ช่างโง่เขลาที่จะทิ้งชีวิตไปกับการฟาดฟันศัตรู
ผู้เป็นเพียงดอกไม้ที่แสนจะเปราะบาง
ช่างโง่เขลาเสียจริงเวลาที่ผู้กำลังจะตายทรมานตัวเอง
ด้วยความคิดวนเวียนถึงแต่ครอบครัว
ซึ่งมีแต่จะผูกมัดตัวเองอยู่ในเคหสถานของมายา
ช่างโง่เขลาที่จะมัวตระหนี่ในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง
ซึ่งล้วนแต่คือหนี้ที่ยืมเขามา
ช่างน่าขบขันที่มัวประทินความงานของร่างกาย
ซึ่งเป็นเพียงภาชนะห่อหุ้มสิ่งโสโครก
ช่างโง่เขลาที่มัวแต่ปวดประสาทอยู่กับความมั่งคั่งและสิ่งของ
แต่หลงลืมคำสอนภายในอันศักดิ์สิทธิ์เสียสิ้น
ท่ามกลางหมู่ชนที่โง่เขลา ผู้ฉลาดและมีสติควรจะปฏิบัติธรรม และข้าก็จะทำเยี่ยงนั้นเช่นกัน